การประชุมสัมมนารับนโยบายสำหรับการปฏิรูปการอาชีวศึกษา
วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม 2553
ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท รีเจนท์บีช ชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
นโยบายการอาชีวศึกษาและแนวทางปฏิบัติตามนโยบายการปฏิรูปการศึกษา รอบที่ 2
ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์
นโยบายการอาชีวศึกษา
การอาชีวศึกษาคือการเรียนรู้เพื่อนำความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ไปใช้ในการประกอบอาชีพในชีวิตประจำวันเป็นแกนหลักในการสร้างและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในกลุ่มบุคลากรที่ใช้ทักษะ (skilled workforce) เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในทุกภาคส่วน (ภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรและภาคบริการ)
การอาชีวศึกษาต้องเป็นกระดูกสันหลังของการพัฒนาทรัพยากรระดับฝีมือแรงงานสำหรับอนาคตของชาติ
แนวนโยบายเพื่อการพัฒนาการอาชีวศึกษา
เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางข้างต้น แนวนโยบายการพัฒนาการอาชีวศึกษาต้องเร่งปรับปรุงคุณภาพและค่านิยมในการอาชีวศึกษาอย่างเร่งด่วน เพื่อให้สามารถรองรับกับแนวทาง การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชาติสำหรับ 5 – 10 ปี ข้างหน้า
ด้านคุณภาพ
ต้องผลิตบุคลากรให้ทันและสอดคล้องกับภาคธุรกิจโดยเฉพาะในสาขาภาคอุตสาหกรรมหลัก ต้องมีมาตรฐานคุณภาพเป็นที่ยอมรับของภาคธุรกิจอุตสาหกรรม เกษตรและบริการ
ต้องเร่งรัดให้มีสถาบันรับรองมาตรฐานการอาชีวศึกษาวางกรอบคุณวุฒิมาตรฐานวิชาชีพแห่งชาติสำหรับวิชาชีพหลักทั้งหลาย เพื่อเชื่อมโลกการศึกษาและโลกการทำงานให้สอดคล้องกันโดยเป็นความร่วมมือกับภาคเอกชนโดยเฉพาะสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าภาคการเกษตรและภาคบริการ
เพื่อสร้างบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านทักษะ (skilled workforce) ให้ศักยภาพสอดคล้องกับ ความต้องการที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะทางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและส่งเสริมให้บุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านทักษะสามารถทำงานในสภาวะแวดล้อมของโลกาภิวัตน์และเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรที่มีความสามารถให้มีโอกาสพัฒนาตนเอง จะต้องจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาเพื่อสร้าง นักปฏิบัติการชั้นสูง เทียบเท่าปริญญา
สร้างความเข้มแข็งในการผลิตบุคลากรอาชีวศึกษาให้สามารถออกไปปฏิบัติงานได้จริงสอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการและภาคการผลิตและภาคบริการ จึงต้องจัดการให้ระบบความร่วมมือระหว่างสถานศึกษากับสถานประกอบการ ภาคเอกชน ภาคการผลิต อย่างเป็นรูปธรรมต่อเนื่องและเป็นที่เชื่อถือยอมรับของทั้งสองฝ่าย
พัฒนาระบบการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับแนวนโยบายข้างต้น โดยการลงทุนมากขึ้นกับบุคลากรครูผู้สอนให้ปราศจากช่องว่างของการเรียนรู้ในชั้นเรียนกับการออกไปสู่การปฏิบัติจริงในสาขาวิชาชีพนั้นๆ
ส่งเสริมให้นักศึกษาอาชีวะ มีทักษะความเข้าใจทั้งสังคมไทยและสังคมโลกพร้อมทั้งมีทักษะในการสื่อสารทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ
ด้านค่านิยม
ต้องทำให้การอาชีวศึกษาและนักศึกษาอาชีวศึกษาเป็นความภาคภูมิใจของสังคมและชุมชน โดยทำให้การอาชีวศึกษาเป็นที่ยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาชุมชน พัฒนาสังคมและพัฒนาชาติ
ต้องส่งเสริมโครงการอาชีวเพื่อชุมชนทุกรูปแบบ
ต้องส่งเสริมให้โรงเรียนระดับ สพฐ. โดยเฉพาะภาคการแนะแนวเข้าใจคุณค่าและความสำคัญของการศึกษาระดับอาชีวศึกษาที่จะมีต่ออนาคตของนักเรียน ครอบครัวและชุมชน
ร่วมมือและส่งเสริมให้ภาคเอกชนเชื่อมั่นในคุณภาพของการศึกษาต่อระดับอาชีวศึกษา เพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษามีรายได้ที่เหมาะสมและเป็นแรงจูงใจให้ผู้เรียนและผู้ปกครองมีความเชื่อมั่นในการศึกษาระดับอาชีวะ เพื่อการประกอบอาชีพในอนาคต
ส่งเสริมให้การอาชีวศึกษาเป็นปัจจัยและเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาการกินดีอยู่ดีของประชาชนคนไทยและประชาชนในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน
แนวทางการดำเนินการสำหรับการอาชีวศึกษา
1. ผู้สำเร็จอาชีวศึกษาต้องได้งานทำทุกคน
จัดให้มีการสำรวจข้อมูลการมีงานทำของผู้สำเร็จการศึกษา ปวช. ปวส. มีข้อมูล การว่าจ้างงานและข้อมูลอัตราการว่างงานที่จะรองรับ
จัดตลาดนัดแรงงานอาชีวะในทุกภูมิภาค
ส่งเสริมให้นักศึกษาอาชีวะฯ ออกไปประกอบอาชีพอิสระของตนเองเป็น ผู้ประกอบการใหม่ทั้งภาคการผลิต การบริการและการเกษตร (เช่น ต้องเข้าใจเรื่อง การเข้าถึงแหล่งทุนและธุรกิจ SME)
ขยายความร่วมมือ MOU กับภาคเอกชนและการเรียนทวิภาคีเพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษา มีงานรองรับ
2. การประกันคุณภาพ
เร่งรัดจัดตั้งสถาบันรับรองคุณภาพอาชีวศึกษาเพื่อวางกรอบคุณวุฒิมาตรฐานวิชาชีพ โดยร่วมมือกับภาคเอกชน สมาคมวิชาชีพ สภาอุตสาหกรรม หอการค้า ภาคเกษตรและบริการเพื่อสร้างมาตรฐานคุณภาพและมาตรฐานรายได้ของผู้สำเร็จอาชีวศึกษา
ส่งเสริมมาตรฐาน V Net
การจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาชั้นสูงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเทียบเท่าระดับปริญญาตรี
ร่วมมือกับภาคเอกชนกับวิทยาลัยฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพการอาชีวศึกษาและให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาสามารถตองสนองความต้องการของชุมชนได้อย่างแท้จริง
3. การปฏิรูปการอาชีวศึกษา
จัดสัมมนาปฏิรูปอาชีวศึกษา ระดมความเห็นสาธารณะเพื่อทำให้การอาชีวศึกษาเป็นแกนหลักในการผลิตบุคลากรระดับฝีมือแรงงานในการพัฒนาประเทศในทศวรรษหน้าและส่งเสริมค่านิยมในการเรียนระดับอาชีวศึกษา
พัฒนาการเรียนการสอนให้ผู้สำเร็จอาชีวะมีความรู้และทักษะในการทำงาน การประกอบกิจการและทักษะการสื่อสาร ทั้งในสังคมไทยและระดับสากล (มีความรู้และทักษะที่ทันสมัยและมีความสามารถในการใช้ภาษาไทยและภาษาอื่นตาม ความเหมาะสมกับอาชีพ)
นโยบายเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ
ให้ยึดถือตามแนวปฏิบัติที่กำหนดไว้ เช่น
- ค่าหนังสือเรียน กำหนดให้นักเรียนไปใช้เลยโดยไม่ต้องใช้วิธียืมเรียน การจัดซื้อหนังสือต้องเป็นหนังสือตามมาตรฐานที่ สอศ. กำหนด ส่วนหนังสือประกอบการเรียนสามารถจัดซื้อได้ตามดุลยพินิจของคณะกรรมการภาคี 4 ฝ่าย โดยผู้บริหารจะต้องมีการกำกับ ติดตาม
- ค่าชุดนักเรียน ให้จ่ายเป็นเงินสดโดยทางสถานศึกษาอำนวยความสะดวกการซื้อขายเพื่อให้ได้ใบเสร็จรับเงินในคราวเดียวกัน
- ค่าอุปกรณ์การเรียนให้กำหนดรายการที่จำเป็นตามความเหมาะสมอย่าให้เกินวงเงินมากนัก
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการสื่อสาร ชี้แจง ความชัดเจนให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างโปร่งใส ถูกต้อง ให้แก่ครู นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครองและชุมชน ได้รับทราบอย่างทั่วถึง
การจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ
กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการโดยทางรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้ผ่านเรื่องให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแล้ว กำลังตรวจสอบความถูกต้อง ชัดเจน ซึ่งจะเป็นการจัดตั้งหน่วยงานที่เป็นนิติบุคคล เป็นองค์กรมหาชน
การจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา
จะเร่งรัดจัดการให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วตามพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา
การจัดการอาชีวศึกษาแบบทวิภาคี
ให้พิจารณาการจัดการอาชีวศึกษาแบบทวิภาคีโดยพัฒนาความร่วมมือกับสถานประกอบการ
ในการลงทุนการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยให้เพิ่มอัตราการจัดการศึกษาจากร้อยละ 10 -15 เป็นร้อยละ 30
การเลื่อนวิทยฐานะโดยเฉพาะของผู้บริหารได้ดำเนินการเร่งพิจารณาให้แล้วและจะจัดตั้งศูนย์การอ่านผลงานวิชาการโดยมอบหมายให้ผู้แทนภาคดำเนินการร่วมกับกรรมการจากส่วนกลาง
การดำเนินการบรรจุพนักงานราชการให้ดำเนินการประกาศรับสมัครและสอบตามกำหนด
อัตราครูผู้ช่วย สอศ. มี 350 อัตรา จะเป็นของโรงเรียนฐานวิทยาศาสตร์ 100 อัตรา (5 แห่งๆ ละ 20 อัตรา) ที่เหลืออีก 250 อัตราจะมีการบรรจุหลังจากดำเนินการย้ายเสร็จแล้ว
----------------------------------------------------------------
จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553
นโยบายการอาชีวศึกษาและแนวทางปฏิบัติตามนโยบายการปฏิรูปการศึกษา รอบที่ 2
ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์
นโยบายการอาชีวศึกษา
การอาชีวศึกษาคือการเรียนรู้เพื่อนำความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ไปใช้ในการประกอบอาชีพในชีวิตประจำวันเป็นแกนหลักในการสร้างและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในกลุ่มบุคลากรที่ใช้ทักษะ (skilled workforce) เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในทุกภาคส่วน (ภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรและภาคบริการ)
การอาชีวศึกษาต้องเป็นกระดูกสันหลังของการพัฒนาทรัพยากรระดับฝีมือแรงงานสำหรับอนาคตของชาติ
แนวนโยบายเพื่อการพัฒนาการอาชีวศึกษา
เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางข้างต้น แนวนโยบายการพัฒนาการอาชีวศึกษาต้องเร่งปรับปรุงคุณภาพและค่านิยมในการอาชีวศึกษาอย่างเร่งด่วน เพื่อให้สามารถรองรับกับแนวทาง การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชาติสำหรับ 5 – 10 ปี ข้างหน้า
ด้านคุณภาพ
ต้องผลิตบุคลากรให้ทันและสอดคล้องกับภาคธุรกิจโดยเฉพาะในสาขาภาคอุตสาหกรรมหลัก ต้องมีมาตรฐานคุณภาพเป็นที่ยอมรับของภาคธุรกิจอุตสาหกรรม เกษตรและบริการ
ต้องเร่งรัดให้มีสถาบันรับรองมาตรฐานการอาชีวศึกษาวางกรอบคุณวุฒิมาตรฐานวิชาชีพแห่งชาติสำหรับวิชาชีพหลักทั้งหลาย เพื่อเชื่อมโลกการศึกษาและโลกการทำงานให้สอดคล้องกันโดยเป็นความร่วมมือกับภาคเอกชนโดยเฉพาะสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าภาคการเกษตรและภาคบริการ
เพื่อสร้างบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านทักษะ (skilled workforce) ให้ศักยภาพสอดคล้องกับ ความต้องการที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะทางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและส่งเสริมให้บุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านทักษะสามารถทำงานในสภาวะแวดล้อมของโลกาภิวัตน์และเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรที่มีความสามารถให้มีโอกาสพัฒนาตนเอง จะต้องจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาเพื่อสร้าง นักปฏิบัติการชั้นสูง เทียบเท่าปริญญา
สร้างความเข้มแข็งในการผลิตบุคลากรอาชีวศึกษาให้สามารถออกไปปฏิบัติงานได้จริงสอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการและภาคการผลิตและภาคบริการ จึงต้องจัดการให้ระบบความร่วมมือระหว่างสถานศึกษากับสถานประกอบการ ภาคเอกชน ภาคการผลิต อย่างเป็นรูปธรรมต่อเนื่องและเป็นที่เชื่อถือยอมรับของทั้งสองฝ่าย
พัฒนาระบบการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับแนวนโยบายข้างต้น โดยการลงทุนมากขึ้นกับบุคลากรครูผู้สอนให้ปราศจากช่องว่างของการเรียนรู้ในชั้นเรียนกับการออกไปสู่การปฏิบัติจริงในสาขาวิชาชีพนั้นๆ
ส่งเสริมให้นักศึกษาอาชีวะ มีทักษะความเข้าใจทั้งสังคมไทยและสังคมโลกพร้อมทั้งมีทักษะในการสื่อสารทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ
ด้านค่านิยม
ต้องทำให้การอาชีวศึกษาและนักศึกษาอาชีวศึกษาเป็นความภาคภูมิใจของสังคมและชุมชน โดยทำให้การอาชีวศึกษาเป็นที่ยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาชุมชน พัฒนาสังคมและพัฒนาชาติ
ต้องส่งเสริมโครงการอาชีวเพื่อชุมชนทุกรูปแบบ
ต้องส่งเสริมให้โรงเรียนระดับ สพฐ. โดยเฉพาะภาคการแนะแนวเข้าใจคุณค่าและความสำคัญของการศึกษาระดับอาชีวศึกษาที่จะมีต่ออนาคตของนักเรียน ครอบครัวและชุมชน
ร่วมมือและส่งเสริมให้ภาคเอกชนเชื่อมั่นในคุณภาพของการศึกษาต่อระดับอาชีวศึกษา เพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษามีรายได้ที่เหมาะสมและเป็นแรงจูงใจให้ผู้เรียนและผู้ปกครองมีความเชื่อมั่นในการศึกษาระดับอาชีวะ เพื่อการประกอบอาชีพในอนาคต
ส่งเสริมให้การอาชีวศึกษาเป็นปัจจัยและเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาการกินดีอยู่ดีของประชาชนคนไทยและประชาชนในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน
แนวทางการดำเนินการสำหรับการอาชีวศึกษา
1. ผู้สำเร็จอาชีวศึกษาต้องได้งานทำทุกคน
จัดให้มีการสำรวจข้อมูลการมีงานทำของผู้สำเร็จการศึกษา ปวช. ปวส. มีข้อมูล การว่าจ้างงานและข้อมูลอัตราการว่างงานที่จะรองรับ
จัดตลาดนัดแรงงานอาชีวะในทุกภูมิภาค
ส่งเสริมให้นักศึกษาอาชีวะฯ ออกไปประกอบอาชีพอิสระของตนเองเป็น ผู้ประกอบการใหม่ทั้งภาคการผลิต การบริการและการเกษตร (เช่น ต้องเข้าใจเรื่อง การเข้าถึงแหล่งทุนและธุรกิจ SME)
ขยายความร่วมมือ MOU กับภาคเอกชนและการเรียนทวิภาคีเพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษา มีงานรองรับ
2. การประกันคุณภาพ
เร่งรัดจัดตั้งสถาบันรับรองคุณภาพอาชีวศึกษาเพื่อวางกรอบคุณวุฒิมาตรฐานวิชาชีพ โดยร่วมมือกับภาคเอกชน สมาคมวิชาชีพ สภาอุตสาหกรรม หอการค้า ภาคเกษตรและบริการเพื่อสร้างมาตรฐานคุณภาพและมาตรฐานรายได้ของผู้สำเร็จอาชีวศึกษา
ส่งเสริมมาตรฐาน V Net
การจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาชั้นสูงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเทียบเท่าระดับปริญญาตรี
ร่วมมือกับภาคเอกชนกับวิทยาลัยฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพการอาชีวศึกษาและให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาสามารถตองสนองความต้องการของชุมชนได้อย่างแท้จริง
3. การปฏิรูปการอาชีวศึกษา
จัดสัมมนาปฏิรูปอาชีวศึกษา ระดมความเห็นสาธารณะเพื่อทำให้การอาชีวศึกษาเป็นแกนหลักในการผลิตบุคลากรระดับฝีมือแรงงานในการพัฒนาประเทศในทศวรรษหน้าและส่งเสริมค่านิยมในการเรียนระดับอาชีวศึกษา
พัฒนาการเรียนการสอนให้ผู้สำเร็จอาชีวะมีความรู้และทักษะในการทำงาน การประกอบกิจการและทักษะการสื่อสาร ทั้งในสังคมไทยและระดับสากล (มีความรู้และทักษะที่ทันสมัยและมีความสามารถในการใช้ภาษาไทยและภาษาอื่นตาม ความเหมาะสมกับอาชีพ)
นโยบายเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ
ให้ยึดถือตามแนวปฏิบัติที่กำหนดไว้ เช่น
- ค่าหนังสือเรียน กำหนดให้นักเรียนไปใช้เลยโดยไม่ต้องใช้วิธียืมเรียน การจัดซื้อหนังสือต้องเป็นหนังสือตามมาตรฐานที่ สอศ. กำหนด ส่วนหนังสือประกอบการเรียนสามารถจัดซื้อได้ตามดุลยพินิจของคณะกรรมการภาคี 4 ฝ่าย โดยผู้บริหารจะต้องมีการกำกับ ติดตาม
- ค่าชุดนักเรียน ให้จ่ายเป็นเงินสดโดยทางสถานศึกษาอำนวยความสะดวกการซื้อขายเพื่อให้ได้ใบเสร็จรับเงินในคราวเดียวกัน
- ค่าอุปกรณ์การเรียนให้กำหนดรายการที่จำเป็นตามความเหมาะสมอย่าให้เกินวงเงินมากนัก
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการสื่อสาร ชี้แจง ความชัดเจนให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างโปร่งใส ถูกต้อง ให้แก่ครู นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครองและชุมชน ได้รับทราบอย่างทั่วถึง
การจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ
กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการโดยทางรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้ผ่านเรื่องให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแล้ว กำลังตรวจสอบความถูกต้อง ชัดเจน ซึ่งจะเป็นการจัดตั้งหน่วยงานที่เป็นนิติบุคคล เป็นองค์กรมหาชน
การจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา
จะเร่งรัดจัดการให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วตามพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา
การจัดการอาชีวศึกษาแบบทวิภาคี
ให้พิจารณาการจัดการอาชีวศึกษาแบบทวิภาคีโดยพัฒนาความร่วมมือกับสถานประกอบการ
ในการลงทุนการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยให้เพิ่มอัตราการจัดการศึกษาจากร้อยละ 10 -15 เป็นร้อยละ 30
การเลื่อนวิทยฐานะโดยเฉพาะของผู้บริหารได้ดำเนินการเร่งพิจารณาให้แล้วและจะจัดตั้งศูนย์การอ่านผลงานวิชาการโดยมอบหมายให้ผู้แทนภาคดำเนินการร่วมกับกรรมการจากส่วนกลาง
การดำเนินการบรรจุพนักงานราชการให้ดำเนินการประกาศรับสมัครและสอบตามกำหนด
อัตราครูผู้ช่วย สอศ. มี 350 อัตรา จะเป็นของโรงเรียนฐานวิทยาศาสตร์ 100 อัตรา (5 แห่งๆ ละ 20 อัตรา) ที่เหลืออีก 250 อัตราจะมีการบรรจุหลังจากดำเนินการย้ายเสร็จแล้ว
----------------------------------------------------------------
ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์
นโยบายการอาชีวศึกษา
การอาชีวศึกษาคือการเรียนรู้เพื่อนำความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ไปใช้ในการประกอบอาชีพในชีวิตประจำวันเป็นแกนหลักในการสร้างและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในกลุ่มบุคลากรที่ใช้ทักษะ (skilled workforce) เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในทุกภาคส่วน (ภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรและภาคบริการ)
การอาชีวศึกษาต้องเป็นกระดูกสันหลังของการพัฒนาทรัพยากรระดับฝีมือแรงงานสำหรับอนาคตของชาติ
แนวนโยบายเพื่อการพัฒนาการอาชีวศึกษา
เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางข้างต้น แนวนโยบายการพัฒนาการอาชีวศึกษาต้องเร่งปรับปรุงคุณภาพและค่านิยมในการอาชีวศึกษาอย่างเร่งด่วน เพื่อให้สามารถรองรับกับแนวทาง การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชาติสำหรับ 5 – 10 ปี ข้างหน้า
ด้านคุณภาพ
ต้องผลิตบุคลากรให้ทันและสอดคล้องกับภาคธุรกิจโดยเฉพาะในสาขาภาคอุตสาหกรรมหลัก ต้องมีมาตรฐานคุณภาพเป็นที่ยอมรับของภาคธุรกิจอุตสาหกรรม เกษตรและบริการ
ต้องเร่งรัดให้มีสถาบันรับรองมาตรฐานการอาชีวศึกษาวางกรอบคุณวุฒิมาตรฐานวิชาชีพแห่งชาติสำหรับวิชาชีพหลักทั้งหลาย เพื่อเชื่อมโลกการศึกษาและโลกการทำงานให้สอดคล้องกันโดยเป็นความร่วมมือกับภาคเอกชนโดยเฉพาะสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าภาคการเกษตรและภาคบริการ
เพื่อสร้างบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านทักษะ (skilled workforce) ให้ศักยภาพสอดคล้องกับ ความต้องการที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะทางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและส่งเสริมให้บุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านทักษะสามารถทำงานในสภาวะแวดล้อมของโลกาภิวัตน์และเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรที่มีความสามารถให้มีโอกาสพัฒนาตนเอง จะต้องจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาเพื่อสร้าง นักปฏิบัติการชั้นสูง เทียบเท่าปริญญา
สร้างความเข้มแข็งในการผลิตบุคลากรอาชีวศึกษาให้สามารถออกไปปฏิบัติงานได้จริงสอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการและภาคการผลิตและภาคบริการ จึงต้องจัดการให้ระบบความร่วมมือระหว่างสถานศึกษากับสถานประกอบการ ภาคเอกชน ภาคการผลิต อย่างเป็นรูปธรรมต่อเนื่องและเป็นที่เชื่อถือยอมรับของทั้งสองฝ่าย
พัฒนาระบบการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับแนวนโยบายข้างต้น โดยการลงทุนมากขึ้นกับบุคลากรครูผู้สอนให้ปราศจากช่องว่างของการเรียนรู้ในชั้นเรียนกับการออกไปสู่การปฏิบัติจริงในสาขาวิชาชีพนั้นๆ
ส่งเสริมให้นักศึกษาอาชีวะ มีทักษะความเข้าใจทั้งสังคมไทยและสังคมโลกพร้อมทั้งมีทักษะในการสื่อสารทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ
ด้านค่านิยม
ต้องทำให้การอาชีวศึกษาและนักศึกษาอาชีวศึกษาเป็นความภาคภูมิใจของสังคมและชุมชน โดยทำให้การอาชีวศึกษาเป็นที่ยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาชุมชน พัฒนาสังคมและพัฒนาชาติ
ต้องส่งเสริมโครงการอาชีวเพื่อชุมชนทุกรูปแบบ
ต้องส่งเสริมให้โรงเรียนระดับ สพฐ. โดยเฉพาะภาคการแนะแนวเข้าใจคุณค่าและความสำคัญของการศึกษาระดับอาชีวศึกษาที่จะมีต่ออนาคตของนักเรียน ครอบครัวและชุมชน
ร่วมมือและส่งเสริมให้ภาคเอกชนเชื่อมั่นในคุณภาพของการศึกษาต่อระดับอาชีวศึกษา เพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษามีรายได้ที่เหมาะสมและเป็นแรงจูงใจให้ผู้เรียนและผู้ปกครองมีความเชื่อมั่นในการศึกษาระดับอาชีวะ เพื่อการประกอบอาชีพในอนาคต
ส่งเสริมให้การอาชีวศึกษาเป็นปัจจัยและเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาการกินดีอยู่ดีของประชาชนคนไทยและประชาชนในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน
แนวทางการดำเนินการสำหรับการอาชีวศึกษา
1. ผู้สำเร็จอาชีวศึกษาต้องได้งานทำทุกคน
จัดให้มีการสำรวจข้อมูลการมีงานทำของผู้สำเร็จการศึกษา ปวช. ปวส. มีข้อมูล การว่าจ้างงานและข้อมูลอัตราการว่างงานที่จะรองรับ
จัดตลาดนัดแรงงานอาชีวะในทุกภูมิภาค
ส่งเสริมให้นักศึกษาอาชีวะฯ ออกไปประกอบอาชีพอิสระของตนเองเป็น ผู้ประกอบการใหม่ทั้งภาคการผลิต การบริการและการเกษตร (เช่น ต้องเข้าใจเรื่อง การเข้าถึงแหล่งทุนและธุรกิจ SME)
ขยายความร่วมมือ MOU กับภาคเอกชนและการเรียนทวิภาคีเพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษา มีงานรองรับ
2. การประกันคุณภาพ
เร่งรัดจัดตั้งสถาบันรับรองคุณภาพอาชีวศึกษาเพื่อวางกรอบคุณวุฒิมาตรฐานวิชาชีพ โดยร่วมมือกับภาคเอกชน สมาคมวิชาชีพ สภาอุตสาหกรรม หอการค้า ภาคเกษตรและบริการเพื่อสร้างมาตรฐานคุณภาพและมาตรฐานรายได้ของผู้สำเร็จอาชีวศึกษา
ส่งเสริมมาตรฐาน V Net
การจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาชั้นสูงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเทียบเท่าระดับปริญญาตรี
ร่วมมือกับภาคเอกชนกับวิทยาลัยฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพการอาชีวศึกษาและให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาสามารถตองสนองความต้องการของชุมชนได้อย่างแท้จริง
3. การปฏิรูปการอาชีวศึกษา
จัดสัมมนาปฏิรูปอาชีวศึกษา ระดมความเห็นสาธารณะเพื่อทำให้การอาชีวศึกษาเป็นแกนหลักในการผลิตบุคลากรระดับฝีมือแรงงานในการพัฒนาประเทศในทศวรรษหน้าและส่งเสริมค่านิยมในการเรียนระดับอาชีวศึกษา
พัฒนาการเรียนการสอนให้ผู้สำเร็จอาชีวะมีความรู้และทักษะในการทำงาน การประกอบกิจการและทักษะการสื่อสาร ทั้งในสังคมไทยและระดับสากล (มีความรู้และทักษะที่ทันสมัยและมีความสามารถในการใช้ภาษาไทยและภาษาอื่นตาม ความเหมาะสมกับอาชีพ)
นโยบายเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ
ให้ยึดถือตามแนวปฏิบัติที่กำหนดไว้ เช่น
- ค่าหนังสือเรียน กำหนดให้นักเรียนไปใช้เลยโดยไม่ต้องใช้วิธียืมเรียน การจัดซื้อหนังสือต้องเป็นหนังสือตามมาตรฐานที่ สอศ. กำหนด ส่วนหนังสือประกอบการเรียนสามารถจัดซื้อได้ตามดุลยพินิจของคณะกรรมการภาคี 4 ฝ่าย โดยผู้บริหารจะต้องมีการกำกับ ติดตาม
- ค่าชุดนักเรียน ให้จ่ายเป็นเงินสดโดยทางสถานศึกษาอำนวยความสะดวกการซื้อขายเพื่อให้ได้ใบเสร็จรับเงินในคราวเดียวกัน
- ค่าอุปกรณ์การเรียนให้กำหนดรายการที่จำเป็นตามความเหมาะสมอย่าให้เกินวงเงินมากนัก
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการสื่อสาร ชี้แจง ความชัดเจนให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างโปร่งใส ถูกต้อง ให้แก่ครู นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครองและชุมชน ได้รับทราบอย่างทั่วถึง
การจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ
กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการโดยทางรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้ผ่านเรื่องให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแล้ว กำลังตรวจสอบความถูกต้อง ชัดเจน ซึ่งจะเป็นการจัดตั้งหน่วยงานที่เป็นนิติบุคคล เป็นองค์กรมหาชน
การจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา
จะเร่งรัดจัดการให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วตามพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา
การจัดการอาชีวศึกษาแบบทวิภาคี
ให้พิจารณาการจัดการอาชีวศึกษาแบบทวิภาคีโดยพัฒนาความร่วมมือกับสถานประกอบการ
ในการลงทุนการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยให้เพิ่มอัตราการจัดการศึกษาจากร้อยละ 10 -15 เป็นร้อยละ 30
การเลื่อนวิทยฐานะโดยเฉพาะของผู้บริหารได้ดำเนินการเร่งพิจารณาให้แล้วและจะจัดตั้งศูนย์การอ่านผลงานวิชาการโดยมอบหมายให้ผู้แทนภาคดำเนินการร่วมกับกรรมการจากส่วนกลาง
การดำเนินการบรรจุพนักงานราชการให้ดำเนินการประกาศรับสมัครและสอบตามกำหนด
อัตราครูผู้ช่วย สอศ. มี 350 อัตรา จะเป็นของโรงเรียนฐานวิทยาศาสตร์ 100 อัตรา (5 แห่งๆ ละ 20 อัตรา) ที่เหลืออีก 250 อัตราจะมีการบรรจุหลังจากดำเนินการย้ายเสร็จแล้ว
----------------------------------------------------------------
การประชุมสัมมนารับนโยบายสำหรับการปฏิรูปการอาชีวศึกษา
การประชุมสัมมนารับนโยบายสำหรับการปฏิรูปการอาชีวศึกษา
วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม 2553
ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท รีเจนท์บีช ชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม 2553
ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท รีเจนท์บีช ชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2553
การประชุมสมัชชาการศึกษานานาชาติแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 5
การประชุมเพื่อเตรียมการจัดกิจกรรมในการประชุมสมัชชาการศึกษานานาชาติแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 5
ในวันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 10.00 น. ณ วิทยาลัยสารพัดช่างนครหลวง กรุงเทพฯ
.....................................
กิจกรรมแข่งขันทักษะฝีมือนานาชาติ ประกอบด้วย
1. วิทยาลัยเทคนิคชัยภูมิ
2. วิทยาลัยอาชีวศึกษาพิษณุโลก
3. วิทยาลัยอาชีวศึกษาเลย
4. วิทยาลัยเกษตรเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่
5. สำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ
ประเด็นการประชุม
จัดการแข่งขันทักษะฝีมือนานาชาติ โดยคำนึงถึงความเป็นสากล ที่แต่ละประเทศสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้อย่างทัดเทียมกัน
1. กำหนดรายวิชาที่เป็นสากล
2. กำหนดเกณฑ์ กติกา การตัดสินที่เป็นมาตรฐานสากล ต่างชาติยอมรับ
3. กำหนดวิธีการประสานงานกับนานาประเทศอย่างไรที่จะให้เยาวชนจากประเทศเหล่านั้นสามารถเดินทางมาเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ได้ อย่างมีประสิทธิภาพและทันเวลา
4. กรณีที่ไม่สามารถดำเนินการให้นานาชาติเข้าร่วมการแข่งขันได้ จะมีวิธีการจัดกิจกรรมอย่างไร เพื่อจะให้กิจกรรมนี้มีลักษณะที่เป็นสากล
- จัดทำ / จัดหาข้อสอบ เกณฑ์ กติกา ที่เป็นสากล เป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ
- ดำเนินการจัดการแข่งขัน / สาธิต การแข่งขันทักษะฝีมือตามเกณฑ์
5. จัดทีมงานที่สามารถสื่อสาร ติดต่อประสานงาน ทั้งการเขียน / พูด ภาษาอังกฤษได้ดี
6. เตรียมจัดประชุมคณะทำงาน โดยมีการเตรียมประเด็นการดำเนินการไว้ล่วงหน้า
- หัวหน้าทีมออกหนังสือเชิญประชุม
- จัดทำแผนการดำเนินงาน แผนการใช้กำลังคน และแผนการใช้งบประมาณ
7. นัดประชุมฝ่ายดำเนินการภายหลังจากมีการทำคำสั่งมอบหมายผู้รับผิดชอบการดำเนินการแข่งขันทักษะฝีมือแต่ละรายวิชา
นางอรัญญา กิมภิระ รองผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างลำปาง 0897592496 ผู้บันทึก
ในวันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 10.00 น. ณ วิทยาลัยสารพัดช่างนครหลวง กรุงเทพฯ
.....................................
กิจกรรมแข่งขันทักษะฝีมือนานาชาติ ประกอบด้วย
1. วิทยาลัยเทคนิคชัยภูมิ
2. วิทยาลัยอาชีวศึกษาพิษณุโลก
3. วิทยาลัยอาชีวศึกษาเลย
4. วิทยาลัยเกษตรเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่
5. สำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ
ประเด็นการประชุม
จัดการแข่งขันทักษะฝีมือนานาชาติ โดยคำนึงถึงความเป็นสากล ที่แต่ละประเทศสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้อย่างทัดเทียมกัน
1. กำหนดรายวิชาที่เป็นสากล
2. กำหนดเกณฑ์ กติกา การตัดสินที่เป็นมาตรฐานสากล ต่างชาติยอมรับ
3. กำหนดวิธีการประสานงานกับนานาประเทศอย่างไรที่จะให้เยาวชนจากประเทศเหล่านั้นสามารถเดินทางมาเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ได้ อย่างมีประสิทธิภาพและทันเวลา
4. กรณีที่ไม่สามารถดำเนินการให้นานาชาติเข้าร่วมการแข่งขันได้ จะมีวิธีการจัดกิจกรรมอย่างไร เพื่อจะให้กิจกรรมนี้มีลักษณะที่เป็นสากล
- จัดทำ / จัดหาข้อสอบ เกณฑ์ กติกา ที่เป็นสากล เป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ
- ดำเนินการจัดการแข่งขัน / สาธิต การแข่งขันทักษะฝีมือตามเกณฑ์
5. จัดทีมงานที่สามารถสื่อสาร ติดต่อประสานงาน ทั้งการเขียน / พูด ภาษาอังกฤษได้ดี
6. เตรียมจัดประชุมคณะทำงาน โดยมีการเตรียมประเด็นการดำเนินการไว้ล่วงหน้า
- หัวหน้าทีมออกหนังสือเชิญประชุม
- จัดทำแผนการดำเนินงาน แผนการใช้กำลังคน และแผนการใช้งบประมาณ
7. นัดประชุมฝ่ายดำเนินการภายหลังจากมีการทำคำสั่งมอบหมายผู้รับผิดชอบการดำเนินการแข่งขันทักษะฝีมือแต่ละรายวิชา
นางอรัญญา กิมภิระ รองผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างลำปาง 0897592496 ผู้บันทึก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)